วันจันทร์ที่ 14 มกราคม พ.ศ. 2562

ซีเนดีน ซีดาน (ฝรั่งเศส)

ซีเนดีน ซีดาน (ฝรั่งเศส)

ซีเนดีน ซีดาน เป็นเพลย์เมคเกอร์ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในยุคของเขา และกลายเป็นหนึ่งในตำนานที่คลาสสิคที่สุดของวงการฟุตบอล จากผลงานเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศได้ 2 ครั้ง และคว้าแชมป์มาครองได้หนึ่งครั้ง
หลังจากที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมกับยูเวนตุสมาสองฤดูกาล ซีเนดีน ซีดาน เล่นในฟรองซ์ 98 ในฐานะบทบาทสำคัญสู่ความสำเร็จของทีมเจ้าภาพ
ซีดานได้ใบแดงในเกมพบซาอุดิอาระเบีย ในรอบแบ่งกลุ่มนัดที่สอง ส่งผลให้เขาพลาดลงสนามเสียหลายนัด ทว่าฟอร์มอันโดดเด่นในเกมพบโครเอเชียรอบรองชนะเลิศ และอีกสองประตูจากลูกโหม่งในรอบชิงชนะเลิศที่ปารีสก็ช่วยให้ทีมตราไก่ได้แชมป์ฟุตบอลโลกหนแรกในประวัติศาสตร์เสียที
8 ปีต่อมา หลังจากที่อาการบาดเจ็บในทัวร์นาเมนต์ปี 2002 ส่งผลให้ทีมฝรั่งเศสตกรอบแรก ซีดานกลับมาอีกครั้งในทัวร์นาเมนต์อำลาสนามของเขาที่เยอรมัน 2006 และโชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดทั้งรายการรวมถึงในนัดชนะสเปนและโปรตุเกส
อย่างไรก็ดี เกมในรอบชิงชนะเลิศก็มีเหตุไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อซีดาน ซึ่งยิงจุดโทษสุดสวยให้ฝรั่งเศสออกนำอิตาลีไปก่อน 1-0 กลับต้องออกจากสนามเพราะการใช้ศีรษะโขก มาร์โก มาเตรัซซี ในช่วงต่อเวลาพิเศษ ส่งผลให้ฝรั่งเศสพ่ายแพ้อิตาลีด้วยการดวลจุดโทษตัดสินไปอย่างน่าเสียดาย

ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ (เยอรมันตะวันตก)

ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ (เยอรมันตะวันตก)

ฟรานซ์ เบ็คเคนบาวเออร์ ตำนานชาวเยอรมันที่เรียกขานกันว่า “ไกเซอร์” คือชายคนเดียวที่เคยชูถ้วยเวิลด์คัพทั้งในฐานะกัปตันและโค้ชของทีมชาติ อย่างไรก็ดีเขาก็เคยพลาดโอกาสคว้าแชมป์ใบนี้มาแล้วหลายครั้งด้วยกัน
หลังจากที่พ่ายแพ้ในเกมฟุตบอลโลกนัดชิงปี 1966 ต่อทีมชาติอังกฤษ 4 ปีต่อมาที่เม็กซิโก เขาและเยอรมันก็ต้องผิดหวังอีกครั้งเมื่อพ่ายแพ้ต่ออิตาลีในช่วงต่อเวลาของเกมรอบรองชนะเลิศ
จนกระทั่งในปี 1974 แข้งอินทรีเหล็กรายนี้ถึงได้ลิ้มรสความสำเร็จที่หอมหวาน เมื่อเป็นผู้นำในแนวรับที่เสียเพียง 4 ประตู จาก 7 นัดจนกระทั่งถึงนัดชิงชนะเลิศ
หลังจากที่ประสบความสำเร็จมาแล้วแทบทุกอย่างในฐานะนักเตะ เบ็คเคนบาวเออร์ก็ยังคว้าแชมป์ได้ในฐานะโค้ชที่ อิตาเลีย 90 เมื่อเยอรมันตะวันตกภายใต้การคุมทีมของเขาปราบอาร์เจนตินาที่มีดิเอโก้ มาราโดนา ไปได้ 1-0 ที่กรุงโรม

โรนัลโด้ (บราซิล)

โรนัลโด้ (บราซิล)

คงไม่มีอะไรนิยามถึงความยอดเยี่ยมของ “โอ ฟีโนมีโน” ได้ดีไปกว่าตัวเลขที่ระบุว่า เขาเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดในเวทีฟุตบอลที่ใหญ่ที่สุดบนดาวเคราะห์ดวงนี้
โรนัลโด้คือผู้เล่นที่ไม่ได้สัมผัสสนามเลยในปีที่บราซิลได้แชมป์ฟุตบอลโลก 1994 ก่อนจะพัฒนาตัวเองขึ้นมาเป็นกองหน้าที่ดีที่สุดในโลกเมื่อ ฟรองซ์ 98 มาถึง เขาโชว์ฟอร์มได้ดีจนกระทั่งถึงรอบชิงชนะเลิศก่อนจะประสบปัญหาบาดเจ็บ และต้องเข็นลงนัดชิงในนาทีสุดท้าย ซึ่งส่งผลให้เจ้าตัวทำผลงานได้ต่ำกว่ามาตรฐานและบราซิลก็พ่ายต่อเจ้าภาพไป 3-0 ในที่สุด
อดีตกองหน้าของอินเตอร์ มิลาน, เรอัล มาดริด และเอซี มิลาน ได้ชูถ้วยเวิลด์คัพในฟุตบอลโลก 2002 ซึ่งทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ รวมถึงฟอร์มเด่นในนัดชิงชนะเลิศ ที่ปราบเยอรมันไปได้อย่างสวยหรู
ในปี 2006 เขาก็กลายเป็นตำนานดาวซัลโวฟุตบอลโลก เมื่อยิงประตูแซงหน้าแกร์ด มุลเลอร์ ขึ้นเป็นดาวยิงสูงสุดตลอดกาลของรายการนี้ด้วยจำนวน 15 ประตูด้วยกัน

เปเล่

เปล่(บาลซิว)

คู่เคียงกับมาราโดนา เปเลถือเป็นหนึ่งในนักเตะที่ดีที่สุดตลอดกาลของวงการฟุตบอล เมื่อเขาได้เหรียญรางวัลเวิลด์คัพถึง 3 ครั้ง ซึ่งต้องถือว่ายอดเยี่ยมแบบไร้คู่แข่ง
ด้วยวัยเพียง 17 ปี เปเลทำได้ 6 ประตูจากการลงสนาม 4 นัดในฟุตบอลโลก 1958 ที่สวีเดน รวมถึงทำแฮตทริคได้ในเกมพบฝรั่งเศสรอบรองชนะเลิศ และอีกสองประตูในเกมพบเจ้าภาพ
น่าเสียดายที่อาการบาดเจ็บส่งผลให้เขาแทบไม่ได้ลงสนามเลยในฟุตบอลโลก 1962 แม้ว่าเขาจะได้เหรียญรางวัลสำหรับความสำเร็จของบราซิลมา รวมถึงในปี 1966 ที่อาการบาดเจ็บเล่นงานเขาอีกครั้ง
อย่างไรก็ดี ฟุตบอลโลกปี 70 ที่เม็กซิโก คือเวทีที่เปเลประกาศศักดาความเป็นตำนานฟุตบอลโลกของเขา ด้วยการเป็น นักเตะยอดเยี่ยมของทัวร์นาเมนต์ ในฐานะส่วนหนึ่งของสุดยอดแนวรุกแซมบ้าทั้ง ริเวลิโน, แจร์ซินโญ และทอสเทา ซึ่งไล่ต้อนคู่แข่งของพวกเขาแบบหมดท่า รวมถึงชนะอิตาลีในนัดชิงถึง 4-1 จนได้รับการยกย่องว่าเป็นการคว้าแชมป์แบบขาดลอยที่สุดในประวัติศาสตร์ทัวร์นาเมนต์นี้

ดิเอโก มาราโดนา

ดิเอโก มาราโดนา (อาร์เจนตินา)

ไม่เคยมีผู้เล่นคนใดที่สยบเวิลด์คัพไว้ใต้ฝ่าเท้าได้เท่ามาราโดนาในเม็กซิโก ปี 86 อีกแล้ว
เขาเป็นนักเตะที่ขโมยลมหายใจของคนดูได้พอๆ กับที่สร้างเรื่องอื้อฉาว มาราโดนามีส่วนร่วมกับประตูของอาร์เจนตินา ไม่ว่าจะยิงเองหรือจ่ายให้เพื่อนถึง 10 ลูก จาก 14 ลูกที่ทีมฟ้าขาวทำได้ ระหว่างทางถึงถ้วยแชมป์ใบนี้ รวมถึงทำสองประตูสำคัญในเกมรอบรองชนะเลิศที่พบทีมชาติอังกฤษ
ประตูแรกถือเป็นประตูที่อื้อฉาวที่สุดตลอดกาลที่เรารู้จักกันในนาม “หัตถ์พระเจ้า” ซึ่งกรรมการชาวตูนิเซียอย่างอาลี เบนนาเซอร์มองไม่เห็น ทว่าประตูที่สองในเกมนี้ที่ลากบอลผ่านผู้เล่นอังกฤษคนแล้วคนเล่าก่อนจะแตะบอลผ่านปีเตอร์ ชิลตันไปกองอยู่ก้นตาข่ายนั้นคือประตูที่ยอดเยี่ยมที่สุดตลอดกาลประตูหนึ่งในโลกฟุตบอล
ในรอบชิงชนะเลิศ เยอรมันตะวันตกพยายามประกบตายมาราโดนาแบบไม่ให้ขยับตัว แต่ทันทีที่เขาสลัดหลุดการประกบของโลธาร์ มัทเธอุสได้ ก็สร้างโอกาสให้ฆอร์เก้ เบอร์รูชาก้า ทำประตูชัยทันที
โดยสรุปแล้ว มาราโดนาทำได้ 8 ประตู จากการลงสนามในฟุตบอลโลก 21 นัด รวมถึงยังเคยเป็นโค้ชพาทีมเข้าไปถึงรอบก่อนรองชนะเลิศที่แอฟริกาใต้ได้ในปี 2010 อีกด้วย